จากยอด Page views อาทิตย์ที่แล้ว มีคนสนใจหัวข้อ "เรื่องของเสียงกีตาร์" มากพอสมควร ทำให้ผมมีกำลังใจ และมีความอยากเขียนเรื่องต่อไปเรื่อยๆ และ ถ้าใครมีคำถามเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับกีตาร์สามารถสอบถามเข้ามาได้นะครับ ใน message box ทาง Facebook
วันนี้เรามาต่อหัวข้อที่เหลือกัน
Dynamic Range
Dynamic Range เป็นช่วงของระดับเสียง(Volume)เบาสุดถึงดังสุดของกีตาร์ที่สามารถให้ได้ โดยที่คุณภาพของเสียงกีตาร์ยังดีอยู่ เช่น ถ้าเล่นเบาคุณภาพเสียงควรเหมือนกับเล่นที่ความดังปลานกลาง ได้ยินชัด เสียงไม่แกว่ง หางเสียงยาวเท่าๆ กัน หรือ ถ้าเล่นเสียงดัง เสียงไม่แตก เป็นต้น กีตาร์ที่ดี ควรมี Dynamic Range กว้างเพราะในบทเพลงต้องใช้ความดังเบาที่แตกต่างกันสร้างอารมณ์ให้หลากหลาย นอกจากนี้ระดับเสียงที่ดังขึ้นต้องตอบสนองต่อผู้เล่นในทุกๆ ระดับเสียง ยิงละเอียดยิ่งดี ประมาณ ว่า ถ้าเปรียบกับเสกลของไม้บรรทัด อันที่ 1 บอกในระดับเซนติเมตร กับ อันที่สองบอกละเอียดถึงระดับ มิลลิเมตร ในระยะ 10 เซนติเมตรเท่ากัน(ใน Dynamic Range เท่ากัน) ไม้บรรทัดอันที่ 1 มี 10 ช่วง แต่อันที่สองมีถึง 100 ช่วง
Separation
Separation เป็นความสามารถของเครื่องตนตรีที่แสดงออกมาเมื่อเล่นโน็ตพร้อมกัน โดยโน็ตทั้งหมดจะถูกรับรู้อย่างชัดเจนและเป็นเอกเทศมากกว่าการผสมกัน เช่น เมื่อเราตีคอร์ดถ้า separation ดี จะได้ยินเสียงแต่ละตัวโน้ตแยกออกจากกันชัดเจน ทำให้เสียงกีตาร์มีมิติมากขึ้น หรือ ในบทเพลงแต่ละบทเพลงต้องมีลายประสาน ทำนองหลัก ลายเบส กรณีนี้บางครั้งมีการเล่นโน๊ตพร้อมๆ กัน กีตาร์มี separation ดีทำให้ผู้เล่นกีตาร์คุมเสียงได้ง่ายขึ้น และผู้ฟังสามารถฟังเสียงแต่ละลายประสานเสียงได้ชัดเจน ส่งผลให้เกิดอรรถรสในการฟังบทเพลงนั้นๆ
Balance
Balance แปลว่า "ความสุมดล ความคงที่" ในทางกีตาร์ balance เป็นความสัมพันธ์ระหว่างโน๊ตระดับเสียงต่ำและระดับเสียงสูง(Pitch)ในรูปแบบของ ระดับเสียง(Volume) และ ความสมบูรณ์ของตัวโน๊ต(Fullness) ที่มีความสม่ำเสมอกันตลอดช่วง เช่น กรณีเสียงกีตาร์ไม่ balance ในช่วงโน๊ตเสียงต่ำอาจเรียกว่าเสียง boomy ซึ่งเป็นลักษณะเสียงที่มีย่านความถี่ต่ำดังเกินไป เมื่อเราเล่นตัวโน๊ตความถี่ต่ำจะมีความดังกว่าปกติเมื่อเทียบกับโน๊ตในย่านความถี่อื่นๆ
เพื่อให้เห็นภาพชัดลองนึกถึง Equalizer(EQ) สำหรับการมิกซ์เสียงดนตรี ซึ่งเครื่องดนตรีแต่ละชนิด
ต้องการความเด่นของช่วงความถี่ต่างๆ กัน ซึ่งเป็นแนวคิดเดียวกัน โดยทั่วไปกีตาร์ ตัวมันเองไม่สามารถปรับ balance แต่การติดภาคขยายเสียงที่มี EQ อาจช่วยในการปรับ balance ของเสียงกีตาร์ได้บ้าง และกีตาร์แต่ละตัวมีความ balance ในแต่ละย่านความถี่ต่างกันสาเหตุหนึ่งเนื่องจากปริมาตรของตัวกีตาร์(Sound box)ที่มีขนาดต่างกัน ถ้ามีปริมาตรใหญ่จะมีแนวโนัมย่านความถี่ต่ำ ถ้าปริมาตรเล็กจะมีแนวโน้มในย่านความถี่สูง ซึ่งมีประโยชน์ในการเล่นแบบ ensemble กีตาร์บางตัวเด่นในย่านความถี่ต่ำเหมาะสำหรับลายเบส ส่วนที่มีความเด่นในย่านความถี่สูงเหมาะสำหรับโซโล เป็นต้น
Ambience
Ambience แปลว่า สภาพแวดล้อม คำนี้อธิบาย เสียงของกีตาร์ที่สภาพแวดล้อมต่างกันว่าออกมาต่างหรือเหมือนกันอย่างไร สำหรับกีตาร์ตัวเดียวกัน เช่น เมื่อเล่นกีตาร์ในห้องขนาดที่ไม่เท่ากัน หรือ ห้องที่มีวัสดุไม่เหมือนกัน ห้องที่มีสภาพความร้อนชื้นต่างๆ กัน ความแตกต่างเหล่านี้มีผลต่อเสียงกีตาร์ไม่มากก็น้อย เช่น บางครั้งอาจรู้สึกเสียงกีตาร์มีพลังน้อยลง การตอบสนองช้าลง เป็นต้น กีตาร์ทีดีควรมีความเปลี่ยนแปลงต่อสภาพแวดล้อมที่ต่างกัน น้อย เพราะผู้เล่นจะควบคุมเสียงกีตาร์ได้ตามประสงค์
ครั้งหนึ่งผมได้ถามนักเล่นกีตาร์ว่าทำไมเขาถึงเลือกใช้กีตาร์ที่เขาเล่นอยู่ คำตอบของเขาคือ เพราะกีตาร์ตัวนี้ไม่ทำให้เขาผิดหวังในทุกสถานที่ที่เขาไปแสดง(เขาเดินทางแสดงทั่วโลก)และ กีตาร์สามารถให้เสียงที่เขาต้องการได้
ที่เหลือ เรื่อง Sustain Present Wraparound&Projection ขอต่อเป็นตอนที่่ 3 ครับ เพราะยิ่งค้นยิ่งอ่านเนื้อหาเริ่มเยอะ
แหล่งความรู้เพิ่มเติม
-เรื่อง Equalizer https://www.youtube.com/watch?v=0d_1iGthE7c&list=PLDD3B01BC3DAEF5F5