บ่อยครั้งนักเล่นกีตาร์ลองกีตาร์แล้วมีความเห็นว่า เสียงดี หรือเสียงไม่ดี เคยสงสัยหรือไม่คำว่า "ดี" หรือ "ไม่ดี" เป็นอย่างไร บางครั้งบอกว่า ดี ด้วยความเกรงใจ บางครั่งบอกไม่ดีตรงๆ แต่พอถามไปว่า"อย่างไร" น้อยคนนักที่อธิบายได้ เหตุผลที่อาจอธิบายไม่ได้ เพราะภาษาพูดไม่สามารถอธิบายเสียงกีตาร์ได้ แต่เป็นความจริงเพียงด้านเดียว เพราะยังมีคนพยายามอธิบายเรื่องเสียงให้เข้าใจได้ตรงกัน โดยใช้แนวทางวิทยาศาสตร์เป็นเครื่องมือในการศึกษา ในฐานะผู้สร้างและผู้ชำนาญในเรื่องกีตาร์ อย่างน้อยเราควรอธิบายผลงานของตัวเองได้
คำอธิบายเสียงกีตาร์อาจแบ่งเป็นหมวดคำ พื้นฐานเรื่องอคูสติก ได้แก่ Timbre Pitch Volume และหมวดคำที่แสดงลักษณะเสียงกีตาร์ซึ่งนำความเข้าใจในหมวดแรกมาอธิบายเพิ่มเติมได้แก่ Presence, Dynamic Range, Separation, Balance, Sustain, Wraparound&Projection ดังนี้
Timbre
Timbre อ่านว่า"TAM-brah" เป็นคำมาจากภาษาฝรั่งเศษ ตรงกับคำว่า Tone quality,Tone colour. หรือภาษาไทยเรียก "สีสันเสียง" มีความหมายว่า เป็นสิ่งที่ช่วยแยกแยะคุณภาพของเสียงหรือแยกแยะเครื่อง
ดนตรี เสียงร้องออกจากกันได้
Oxford Concise Dictionary of Music.(1995 : 738) (1) ไม่เพียงแยกแยะเครื่องดนตรีออกจากกันเท่านั้น ยังลงลึกถึงการให้เสียงที่แตกต่างกันในเครื่องดนตรีชนิดเดียวกันด้วย เช่น กีตาร์คลาสสิก เมื่อดีดตำแหน่งต่างกันส่งผลให้เสียงต่างกันด้วย หรือแม้แต่ดีดตำแหน่งเดียวกันแต่ใช้มุมเล็บต่างกัน เสียงก็ต่างกัน ผู้ประพันธ์เพลงและนักเล่นกีตาร์นำไปใช้ประโยชน์ในการสร้างอารมณ์ที่แตกต่างกันในบทเพลง
ตัวอย่างคำที่ใช้แสดงลักษณะของเสียงกีตาร์ได้แก่ dark(มีความมืดมน) bright(ความสว่างสดใส) opaque(ทึบ) transparent(ใสแบบแสงผ่าน) warm(ความสว่างอบอุ่น) dull(มัว) sharp(เสียงที่ชัดเจน) mellow(อ่อนหวานจับใจ) harsh(แหบกระด้าง) clear(ความใสชัดเจน) rounded(ออกมากลม) flat(แบน) เป็นต้น
ในประเทศแคนนาดามีการศึกษากันจริงจัง มีงานวิจัยของคุณ Caroline Traube ได้รวมรวมคำต่างๆที่ใช้อธิบายลักษณะของเสียงไว้เป็นร้อยคำ จัดหมวดหมู่คำที่มีความหมายใกล้เคียงกันมีการอธิบายความหมายแต่ละคำ เปรียบเทียบกับต่ำแหน่งดีดบนสายกีตาร์และตำแหน่งการออกเสียง(Phonetic)ในช่องปาก สนใจลองอ่านดูในลิงค์นี้ An interdisciplinary study of the timbre of the classical guitar
ตัวอย่างรูปภาพ จากงานวิจัยเรื่อง An interdisciplinary study of the timbre of the classical guitar คำทางซ้ายมือล่างแสดงลักษณะของเสียงตำแหน่งดีดใกล้จุดกึ่งกลางสาย ส่วนในทางขวาบนแสดงลักษณะของเสียงตำแหน่งดีดใกล้ Bridge
Pitch
Pitch ตรงกับภาษาไทยว่า "ระดับเสียง" เป็นคุณสมบัติ ความทุ้ม แหลม ของเสียง โดยเกิดจากความถี่ต่างกัน ความถี่สูงเสียงแหลม(เสียงสูง) ความถึ่ต่ำเสียงทุ้ม(เสียงต่ำ) เช่น เสียงมีความถึ่ 440 ครั้งต่อวินาที หรือ 440 Hertz(Hz) (เฮิร์ทซ์) เป็นเสียงตัวโน้ตลา(A4) ระดับเสียงต่ำสุดของกีตาร์คือ เสียง E สาย 6 มีความถี่ 82.41 Hz เป็นต้น หูคนเราฟังย่านความถี่ได้ตั้งแต่ 20 Hz- 20,000 Hz
สำหรับกีตาร์การกำหนดระดับเสียงขั้นอยู่กับระยะ ความสั่น ยาว ของสายกีตาร์เป็นตัวกำหนด ถ้าสายมีความยาวจะให้ระดับเสียงต่ำ ถ้าสายมีขนาดสั้นเสียงจะให้ระดับเสียงสูง หรือการกดที่ตำแหน่ง Fret ที่ต่างกันนั่นเอง
สำหรับกีตาร์การกำหนดระดับเสียงขั้นอยู่กับระยะ ความสั่น ยาว ของสายกีตาร์เป็นตัวกำหนด ถ้าสายมีความยาวจะให้ระดับเสียงต่ำ ถ้าสายมีขนาดสั้นเสียงจะให้ระดับเสียงสูง หรือการกดที่ตำแหน่ง Fret ที่ต่างกันนั่นเอง
Volume
Volume คือ ระดับความดัง เบา ของเสียง มีหน่วยเป็น เดซิเบล(dB) ระดับที่หูเรา เริ่มได้ยินคือ 0 dB ได้ยินดังสุดที่ไม่เจ็บหู 120 dB, การจราจรแออัดประมาณ 80 dB การพูดคุยประมาณ 60 dB ในห้องสมุดประมาณ 20 dB เสียงกรอบแกรบของใบไม้ประมาณ 20 dB เป็นต้น
ระดับความดัง เบา เป็นคุณสัมบัติสำคัญของกีตาร์ขึ้นอยู่กับความอิสระในการสั่นของไม้หน้าซึ่งถูกขับ(Driven) ด้วยสาย มีหลายปัจจัยเกื้อหนุน ได้แก่ คุณภาพและความหนาของไม้หน้า รุปแบบBrace คุณภาพไม้หลังและไม้ข้างซึ่งเป็นตัวสะท้อนเสียง(Resonator) ชนิดสายกีตาร์ขนาดและความตึงของสาย ปริมาตรของตัวกีตาร์ เป็นต้น
ในครั้งหน้าเราจะมาต่อกันในหัวข้อที่เหลือครับ
-(1) สีสันเสียง(timbre/tone colr/tone quality) โดย ผศ.ดร ศักดิ์ชัย หิรัญรักษ์
-http://www.rmutphysics.com/physics/oldfront/95/sound1/sound_1.htm
-The Acoustic Guitar Guide โดย Larry Sandberg.