กลับมาพบกันอีกครั้งครับ ครั้งที่แล้วการดูแลรักษากีตาร์โปร่งและกีตาร์คลาสสิก คุยเรื่องการทำความสะอาด Fret และ Fingerboard วันนี้มาดูในหัวข้อการบำรุงรักษา
3.การบำรุงรักษาทั่วไป
3.1 การดูแล Tuning Machine หรือที่เราเรืยกภาษาไทยว่า"ลูกบิด"
Tuning Machine ส่วนใหญ่ประกอบด้วยโลหะ อาจมีส่วนใบบิดเป็นพลาสติก ไม้ หรือมุก ส่วนสำคัญสุดคือ เฟือง กรณีเป็นระบบเฟืองปิดที่ใช้กับกีตาร์สายเหล็กส่วนใหญ่อาจไม่ต้องดูแลมาก แต่แบบระบบเฟืองเปิดที่ใชักับกีตาร์คลาสสิก และ สายเหล็กบางรุ่น ใช้ไปนานๆ จะมีพวกขึ้ฝุ่นหรือพวกสนิมอ๊อกไซด์ขึ้นทำให้เกิดการติดหรือการฝืดขึ้น วิธีแก้ไขในจุดนี้สามารถใช้พวกจารบีขาวทาหล่อลืื่นในฟันเฟืองและเกลียวขับเฟือง จากนั้นหมุนเฟืองหลายรอบเพื่อให้จารบีเข้าไปทั่วทุกจุดของระบบเฟือง เสร็จแล้วควรเช็ดจารบีที่เกินออกเพราะถ้าทิ้งไว้พวกฝุ่นเข้าไปติดง่าย ในกรณีกีตาร์คลาสสิกให้ใส่จารบีในช่องหัวสำหรับใส่แกนตัวผูกสายด้วย เพื่อลดแรงเสียดทานส่งผลให้ลดแรงกดบนตัวเฟือง ยืดอายุเฟืองและผู้เล่นไม่ต้องออกแรงมาก ในคู่มือการบำรุงรักษาของ Martin แนะนำให้ใช้ petroleum jelly สำหรับการหล่อลื่น ผมมาลองหาดูพบว่าในบ้านเราเป็นวาสลีน ตามรูปครับ
ควรตรวจสอบ น็อต สกรู ถ้าหลวมอาจเกิดเสียงที่ไม่ต้องการ และ ส่งผลให้อายุการทำงานของเฟืองสั้นลงด้วย ควรขันกวดด้วยแรงพอดี อย่าให้แน่นไป เพราะถ้าแน่นไปจะทำให้เฟืองฝืดมากต้องใช้แรงบิดเยอะ
ส่วนที่เป็นโลหะที่เกิดสนิมอ๊อกไซด์ใช้ครีมขัดโลหะได้ แต่ไม่ควรขัดมากกรณีโลหะที่เคลือบสีทอง เพราะทำให้สีจางลงได้แลดูไม่สวย ต้องเข้าใจด้วยว่าการขัดนั้นเป็นการขัดตัวเคลือบผิวด้านนอกสุดออก ขัดมากเนื้อเคลือบก็ออกมาก ไม่ใช่การเคลือบที่เป็นการเสริมเนื้อตัวเคลือบเพิ่ม
3.2 การเดินทาง
การเดินทางทั่วไประยะเวลาสั้นๆ
ควรใช้กล่อง Hard-case ใส่เพื่อลดโอกาสสิ่งภายนอกจะทำอันตรายกับกีตาร์ ไม่ว่า น้ำ ความชื้น ความแห้ง การกระแทกต่างๆ จากประสบการณ์ที่มีเจ้าของกีตาร์นำมาซ่อมเนื่องจากการเดินทาง เช่น
-เอากีตาร์ไว้กระโปงหลังรีบปิดฝากระเโปงกระแทกกีตาร์แตก
-ทิ้งไว้หลังกระโปงหลังเป็นอาทิตย์ เป็นเดืิอน ชิ้นส่วนหลุด เพราะความร้อนทำให้กาวเสื่อม
- ถือกีตาร์ซ้อนมอเตอร์ไซด์ล้ม
- ปิดฝากล่องไม่เรียบร้อย รีบยกทำให้กีตาร์หล่นจากกล่อง
เป็นต้น ควรหลีกเลื่ยงกรณีตัวอย่างข้างบนครับ อีกตัวอย่างที่ชอบละเลยกัน ทิ้งกีตาร์ไว้ในรถซึ่งจอดไว้ในที่ร้อน เช่น ทิ้งกีตาร์ไว้ในรถขณะลงไปทานข้าว หรือไปทำธุระอย่างอื่น กรณีแบบนี้ทำครั้งเดียวอาจไม่มีผลต่อกีตาร์ แต่ทำซ้ำๆ หลายๆ ครั้งกีตาร์จะพังได้ในที่สุดครับ
สำหรับการเดินทางโดยเครื่องบิน
บ่อยครั้งผมจะเช็ดเที่ยวบินว่าใช้เครื่องบินรุ่นไหนและเช็คว่าที่เก็บกระเป๋าเหนือหัวมีขนาดใหญ่พอสำหรับใส่กีตาร์ได้หรือไม่ เช่น สายการบินแอร์เอเชียใช้เครื่องบิน Airbus 320 ทั้งหมดในการบินระยะสั้น รุ่นนี้ใส่กีตาร์ได้ ส่วนบินระยะยาว Boing 737-300 ก็ใส่ได้ และสำหรับการเดินทางจะพยายามให้ได้บินเที่ยวเดียวถึงไม่ต่อเครื่องที่ไหน เพื่อลดโอกาสอุบัติเหตุเกิดขึ้นกับกีตาร์เนื่องจากการเคลื่อนย้ายกีตาร์หลายครั้ง
สิ่งที่เราควรทำกับกีตาร์เมื่ิอเดินทางโดยเครื่องบิน คือ ควรหย่อนสายกีตาร์เพื่อขจัดความเครียดที่ไม้คอกีตาร์ กรณีสายเหล็กควรคลาย Truss rod ด้วย และใส่กล่อง Hard case และเป็น Hard case แบบ Flight case ยิ่งดีที่สุด ในบ้านเรามีผู้ผลิต Flight case อย่างดี คือ Visesnut case
ถ้าเป็นไปได้ขอทางสายการบินให้ถือกีตาร์ขึ้นเครืองด้วย แต่ถ้าไม่ได้ ควรห่อเพิ่มเติมและใช้บริการ Oversize ช่องทางนี้พนักงานเคลื่อนย้ายกีตาร์โดยการยก ไม่ผ่านสายพาน กรณีส่งโดยบริษัทข่นส่ง ควรเพ่ิ่มกันกระแทกและใส่กล่องกระดาษอีกชั้นหนึ่ง
สำหรับการดูแลรักษากีตาร์โปร่งและกีตาร์คลาสสิกขอจบเพียงเท่านี้ พบกันใหม่ครับ
good luck.
Friday, November 24, 2017
Wednesday, November 15, 2017
Action กีตาร์ Finger style สูงแค่ไหน ตอนที่ 2 (จบ)
สวัสดีครับ ตอนนี้เรามาต่อกันเรื่อง Action ของคุณ Tommy Emmanuel ผมใช้ Google ช่วยหา และเข้าไปอ่านใน www.thegearpage.net ได้ความว่าคุณ Adam Rafferty ,นักเล่นกีตาร์แนว Funky fingerstyle,มีโอกาสเล่นกีตาร์ Mathon ของ คุณ Tommy คุณ Adam ว่ามันต่ำมาก ระยะที่ Fret 12 สาย1 คือ 3/64 นิ้ว(0.05) หรือ 1.19 มิลลิเมตร และ ระยะที่ Fret 12 สาย 6 คือ 4/64 นิ้ว(0.06) หรือ 1.59 มิลลิเมตร คุณ Adam จึงถามคุณทอมมี่ทำได้อย่างไร คุณ Tommy แนะนำให้ไปหาคุณ Joe Glaser (เป็นช่างอยู่ที่ Glaser Instruments, 434 East Iris, 37204 Nashville) คุณ Joe Glaser อธิบายว่าแกใช้ระบบ Plek
Plek คืออะไร
Plek ถูกคิดค้นโดยคุณ Gerd Anke นักประดิษฐ์ นักคิดและผู้เชี่ยวชาญ ชาวเยอร์มัน เริิ่มคิดค้นการ Set up กีตาร์โดยใช้เครื่องจักรระบบอัตโนมัติตัั่งแต่ปี 1988 และปรับปรุงพัฒนาสมบูรณ์และจดสิธิบัตรในปี 1997 เปิดตัวครั้งแรกที่งาน Frankfurt Music Fair ในปี 2000 ในปี 2001 ร้านของคุณ Glaser นำเข้ามาใช้ครั้งแรกในอเมริกา จากนั้นใช้กันแพร่หลายในระบบลายผลิตของโรงงานกีตาร์ได้แก่ Gibson(USA),Takamine(Japan),Martin(USA) เป็นต้น ดูประวัิติได้ที่ http://www.plek.com
Gerd Anke ศึกษาการสั่นของสายกีตาร์โดย stroboscope และเขียน Software ออกมาควบคุมเครื่อง Plex อีกที เครื่องจะหาว่าปรับระดับ Fret และ ตั้งระยะ Relief เท่าใดเพื่อตั้งสายกีตาร์ได้ต่ำสุดโดยไม่มีการ Buzz ตามวีดีโอข้างล่างนี้
Plek ทำอะไรได้บ้าง
สิ่งที่ Plek ทำได้คือ ปรับ Radius ของ Fingerboard, ปรับระดับ Fret ,ทำร่อง และ ปรับความสูง Nut ปรับความสูง Saddle คือตั้งแต่งาน ทำ Fret ถึงงาน Set up ส่วนเรื่องความละเอียดสำหรับการแสกน มีความละเอียดถึง +-0.005 มิลลิเมตร การปรับเฟร็ต ละเอียดถึง +-0.01 มิลลิเมตร การปรับ Nut saddle ละเอียดถึง +-0.05 มิลลิเมตร ความละเอียดระดับนี้เกินกว่าการตรวจสอบโดยคนปกติ
ดูความเร็วกระบวนการปรับเฟร็ตใช้เวลาประมาณ 10 นาที เมื่อเทียบกับผมทำประมาณ 2 ชั่วโมง
ข้อดีอีกอย่างมันจะเก็บค่า Action ของแต่ละคนไว้ในหน่วยความจำ สมมติว่าผมอยากได้ Action แบบ Tommy มันทำให้ได้เลยเพราะมีค่า Action อยู่แล้ว
ส่วนข้อเสียเท่าที่ผมอ่านเจอคือ Plek ไม่แต่งขอบ Fretให้ ช่างหลายคนจะคิดค่าแรงเพิ่มในจุดนี้ และกรณีกีตาร์คลาสสิก ส่วนใหญ่ Fret สุดท้ายจะไม่ต่อเนื่อง Plek จะไม่ปรับระดับให้ ช่างต้องมาปรับระดับเอง แต่ทั้ง 2 ข้อส่วนตัวผมไม่คิดว่าเป็นปัญหาใหญ่ของชางมืออาชีพครับ
เรื่องราคาตกเครื่องละ 100,000 US$ ผมดูจากการChatในบอร์ด
http://www.harmonycentral.com
สนนราคา level Fret ประมาณ 265 US$ ไม่รวมค่าอุปกณ์ ถ้า ทำทั้งหมดคือ ตั้งแต่ปรับ Fingerboard จนถึง level fret ค่าใช้จ่ายประมาณ 455 US$ ไม่รวมค่าอุปกณ์ ราคาจาก http://sfguitarworks.com/the-plek/ เมื่อปี 2015 ครับ (ราคาขนาดนี้ทำประมาณ 200 ตัวน่าจะคืนทุน :))
เหมาะมากับร้านซ่อมกีตาร์และ โรงงานกีตาร์ แต่มีข้อคิดของคุณ Glaser ว่าเครื่องนี้ดีมากแต่ที่สำคัญคือช่างผู้คุมเครื่องครับ ถ้ามีึความรู้ความเข้าใจในการ Set up ถึงจะได้งานออกมาดีครับ
สุดท้ายนี้ผมอยากจะเห็นเจ้าเครื่องนี้ในไทยครับ ไม่ใช้อะไรหรอกครับ อยากเห็นตัวจริงอยากศึกษาว่ามันทำได้อย่างที่เขาบอกหรือป่าว :) ส่วนลิงค์ข้างล่างนี้อธิบายการใช้ Software ของ Plek อย่างละเอียดมี 4 ตอน โดยคุณ Joe Glaser ครับสนใจลองเข้าไปดูครับ
https://www.youtube.com/watch?v=X0pKC9GHyWA
https://www.youtube.com/watch?v=W1P8rM60djk
https://www.youtube.com/watch?v=Kn4EhmM14w8
https://www.youtube.com/watch?v=8cZJCgtC5dc
Good day !
Plek คืออะไร
Plek ถูกคิดค้นโดยคุณ Gerd Anke นักประดิษฐ์ นักคิดและผู้เชี่ยวชาญ ชาวเยอร์มัน เริิ่มคิดค้นการ Set up กีตาร์โดยใช้เครื่องจักรระบบอัตโนมัติตัั่งแต่ปี 1988 และปรับปรุงพัฒนาสมบูรณ์และจดสิธิบัตรในปี 1997 เปิดตัวครั้งแรกที่งาน Frankfurt Music Fair ในปี 2000 ในปี 2001 ร้านของคุณ Glaser นำเข้ามาใช้ครั้งแรกในอเมริกา จากนั้นใช้กันแพร่หลายในระบบลายผลิตของโรงงานกีตาร์ได้แก่ Gibson(USA),Takamine(Japan),Martin(USA) เป็นต้น ดูประวัิติได้ที่ http://www.plek.com
Gerd Anke ศึกษาการสั่นของสายกีตาร์โดย stroboscope และเขียน Software ออกมาควบคุมเครื่อง Plex อีกที เครื่องจะหาว่าปรับระดับ Fret และ ตั้งระยะ Relief เท่าใดเพื่อตั้งสายกีตาร์ได้ต่ำสุดโดยไม่มีการ Buzz ตามวีดีโอข้างล่างนี้
ลองดูวีดีโอนี้ครับอธิบายการใช้ Plek
Plek ทำอะไรได้บ้าง
สิ่งที่ Plek ทำได้คือ ปรับ Radius ของ Fingerboard, ปรับระดับ Fret ,ทำร่อง และ ปรับความสูง Nut ปรับความสูง Saddle คือตั้งแต่งาน ทำ Fret ถึงงาน Set up ส่วนเรื่องความละเอียดสำหรับการแสกน มีความละเอียดถึง +-0.005 มิลลิเมตร การปรับเฟร็ต ละเอียดถึง +-0.01 มิลลิเมตร การปรับ Nut saddle ละเอียดถึง +-0.05 มิลลิเมตร ความละเอียดระดับนี้เกินกว่าการตรวจสอบโดยคนปกติ
ดูความเร็วกระบวนการปรับเฟร็ตใช้เวลาประมาณ 10 นาที เมื่อเทียบกับผมทำประมาณ 2 ชั่วโมง
ข้อดีอีกอย่างมันจะเก็บค่า Action ของแต่ละคนไว้ในหน่วยความจำ สมมติว่าผมอยากได้ Action แบบ Tommy มันทำให้ได้เลยเพราะมีค่า Action อยู่แล้ว
ส่วนข้อเสียเท่าที่ผมอ่านเจอคือ Plek ไม่แต่งขอบ Fretให้ ช่างหลายคนจะคิดค่าแรงเพิ่มในจุดนี้ และกรณีกีตาร์คลาสสิก ส่วนใหญ่ Fret สุดท้ายจะไม่ต่อเนื่อง Plek จะไม่ปรับระดับให้ ช่างต้องมาปรับระดับเอง แต่ทั้ง 2 ข้อส่วนตัวผมไม่คิดว่าเป็นปัญหาใหญ่ของชางมืออาชีพครับ
เรื่องราคาตกเครื่องละ 100,000 US$ ผมดูจากการChatในบอร์ด
http://www.harmonycentral.com
สนนราคา level Fret ประมาณ 265 US$ ไม่รวมค่าอุปกณ์ ถ้า ทำทั้งหมดคือ ตั้งแต่ปรับ Fingerboard จนถึง level fret ค่าใช้จ่ายประมาณ 455 US$ ไม่รวมค่าอุปกณ์ ราคาจาก http://sfguitarworks.com/the-plek/ เมื่อปี 2015 ครับ (ราคาขนาดนี้ทำประมาณ 200 ตัวน่าจะคืนทุน :))
เหมาะมากับร้านซ่อมกีตาร์และ โรงงานกีตาร์ แต่มีข้อคิดของคุณ Glaser ว่าเครื่องนี้ดีมากแต่ที่สำคัญคือช่างผู้คุมเครื่องครับ ถ้ามีึความรู้ความเข้าใจในการ Set up ถึงจะได้งานออกมาดีครับ
สุดท้ายนี้ผมอยากจะเห็นเจ้าเครื่องนี้ในไทยครับ ไม่ใช้อะไรหรอกครับ อยากเห็นตัวจริงอยากศึกษาว่ามันทำได้อย่างที่เขาบอกหรือป่าว :) ส่วนลิงค์ข้างล่างนี้อธิบายการใช้ Software ของ Plek อย่างละเอียดมี 4 ตอน โดยคุณ Joe Glaser ครับสนใจลองเข้าไปดูครับ
https://www.youtube.com/watch?v=X0pKC9GHyWA
https://www.youtube.com/watch?v=W1P8rM60djk
https://www.youtube.com/watch?v=Kn4EhmM14w8
https://www.youtube.com/watch?v=8cZJCgtC5dc
Good day !
Friday, November 10, 2017
Action กีตาร์ Finger style สูงแค่ไหน ตอนที่ 1
สวัสดีครับ ช่วงนี้มีนักกีตาร์แนว Finger style มาให้ตั้งความสูงของสายหรือภาษาอังกฤษเรียกว่า "Action" บ่อยๆ ผมจึงหาข้อมูลในห้องสมุดที่ใหญ่ที่สุดในโลกคือคอมพิวเตอร์โน้ตบุคของผมเอง ดูว่าพวกแนว Finger style เขาตั้ง Action แค่ไหนกัน เท่าที่รู้โดยปกติแนว Finger style ตั้งต่ำกว่าการตั้งสายปกติเพราะมือซ้ายต้องเล่นมาก เล่นทั่วคอ Action ต่ำๆ ช่วยให้ผู้เล่น เล่นเทคนิดต่างๆได้ดี เช่น การ Tapping Pull off เป็นต้น
ก่อนอื่นมาดู Action ของกีตาร์ปกติกันก่อน ผมเข้าไปพบขอมูลที่เวปไซด์ของ Stewmac ได้ Action ตามนี้ื
ตารางจาก Stewmac อธิบายได้ความว่า
ที่เฟร็ต 1 สาย 6 สูง 0.023 นิ้ว หรือประมาณ 0.584 มม.
ที่เฟร็ต 1 สาย 1 สูง 0.013 นิ้ว หรือประมาณ 0.330 มม.
ที่เฟร็ต 12 สาย 6 สูง 0.090 นิ้ว หรือประมาณ 2.286 มม.
ที่เฟร็ต 12 สาย 1 สูง 0.070 นิ้ว หรือประมาณ 1.778 มม.
ต่อไปคือ Taylor เขาแบ่งกีตาร์ออกเป็นสองกลุ่มตั้ง Action ไม่เท่ากัน ผมได้ข้อมูลจาก www.ramzmusic.com เข้าไปดูได้ข้อมูลละเอียดมากแต่ผมสรุปให้เลยเพื่อจะได้เปรียบเทียบ
กลุ่มแรกคือ กลุ่มกีตาร์ตัวใหญ่ ได้แก่ Dreadnought,Grand Orchestra,Grand Symphony ส่วนใหญ่ใช้เล่นแบบตีคอร์ด ตั้ง Action ตามนี้
กลุ่มที่สอง คือ กลุ่มกีตาร์ตัวเล็กลงมา ได้แก่ Grand Concert,Grand Auditorium ส่วนใหญ่ใช้เล่นแบบตีคอร์ดและ Finger style ได้ ตั้ง Action ตามนี้
จากการตั้งสายมาตรฐานแบบ Taylor ที่ Fret 1 ตั้งเท่ากันกับกีตาร์ทุกทรง ส่วนตำแหน่ง Fret 12 กีตาร์ตัวเล็กซึ่งเหมาะสำหรับการเล่น Finger style ตั่งต่ำกว่า
ลองสังเกตที่ตัวเลข Action ในตารางด้านบนครับ เป็นทศนิยม 2-3 ตำแหน่ง สาเหตุจากการคำนวน การแปลงหน่วยครับ มันจึงเป็นตัวเลขที่ไม่เต็ม คำถามตามมาสำหรับคนที่เป็นช่างทำกีตาร์ครับ แล้วจะวัดอย่างไรให้ได้ละเอียดอย่างในตาราง คำตอบคือ ต้องหาไม้บรรทัดที่ละเอียดที่สุดเท่าที่ตาคนสามารถอ่านได้ครับ ผมไปเดินที่ร้าน True value พบไม้บันทัดเหล็กยาว 6 นิ้ว ยี่ห้อ General no.616 ซึ่งเป็นระบบ นิ้ว เมตริก คือ 1 นิ้ว แบ่งเป็น 100 ช่อง หรือพูดได้ว่า ละเอียดถึง 0.01 นิ้วต่อช่อง วัดได้ละเอียดสุด 0.005 (ประมาณได้ระหว่างขีด) ความละเอียดขนาดนี้ใช้วัดตัวเลขในตารางข้างบนได้กำลังดีครับ ดูตามรูปข้างล่างครับ
ถามว่าทำไมต้องละเอียดขนาดนี้ จากประสบการณ์ผม ผมเจอนักเล่นกีตาร์ที่มีความละเอียดสูง ความละเอียดสูงที่ผมว่าคืออะไร นักเล่นกีตาร์สามารถรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของ Action ได้ โดยที่ผมปรับค่า Action ที่ตำแหน่ง Fret 12 ต่างกันเพียง 0.01 นิ้ว เนื่องจากนักเล่นเหล่านี้เขาพัฒนาอินทรีย์แกร่งกล้าจากการฝึกซ้อมทุกวัน หาวิธีพัฒนาการเล่นของตัวเองตลอด แต่ก็ไม่ทุกคนนะครับ ที่ผมเจอมี 2-3 คนเท่านั้นและเป็นนักเล่นกีตาร์คลาสสิกทั้งหมด สรุปง่ายๆ คือละเอียดเพื่อการตอบสนองความต้องการของผู้เล่นนั้นเองครับ
ยังไม่จบครับ แต่คงต้องตอนต่อไป ผมจะพาไปดู Action กีตาร์ของนักเล่นกีตาร์แนว Finger style ระดับโลก ตัวพ่อ คือ Tommy Emmanuel เล่น Action ความสูงเท่าไร ผมยิ่งค้น ยิ่งเจอสิ่งที่น่าสนใจครับ มันละเอียดกว่าสิ่งที่ผมกล่าวมาในบทความข้างต้นอีก แล้วพบกันตอนต่อไปครับ
หมายเหตุ Action คือ ระยะระหว่างยอด Fret ถึงก้นสายครับ
Good day
ก่อนอื่นมาดู Action ของกีตาร์ปกติกันก่อน ผมเข้าไปพบขอมูลที่เวปไซด์ของ Stewmac ได้ Action ตามนี้ื
Steel-string acoustic guitar | Bass E | Treble E | |||
Action at the 1st fret | .023" | .013" | |||
Action at the 12th fret | .090" | .070" | |||
Relief: .002" at the 8th fret |
ตารางจาก Stewmac อธิบายได้ความว่า
ที่เฟร็ต 1 สาย 6 สูง 0.023 นิ้ว หรือประมาณ 0.584 มม.
ที่เฟร็ต 1 สาย 1 สูง 0.013 นิ้ว หรือประมาณ 0.330 มม.
ที่เฟร็ต 12 สาย 6 สูง 0.090 นิ้ว หรือประมาณ 2.286 มม.
ที่เฟร็ต 12 สาย 1 สูง 0.070 นิ้ว หรือประมาณ 1.778 มม.
ต่อไปคือ Taylor เขาแบ่งกีตาร์ออกเป็นสองกลุ่มตั้ง Action ไม่เท่ากัน ผมได้ข้อมูลจาก www.ramzmusic.com เข้าไปดูได้ข้อมูลละเอียดมากแต่ผมสรุปให้เลยเพื่อจะได้เปรียบเทียบ
กลุ่มแรกคือ กลุ่มกีตาร์ตัวใหญ่ ได้แก่ Dreadnought,Grand Orchestra,Grand Symphony ส่วนใหญ่ใช้เล่นแบบตีคอร์ด ตั้ง Action ตามนี้
กลุ่มที่สอง คือ กลุ่มกีตาร์ตัวเล็กลงมา ได้แก่ Grand Concert,Grand Auditorium ส่วนใหญ่ใช้เล่นแบบตีคอร์ดและ Finger style ได้ ตั้ง Action ตามนี้
จากการตั้งสายมาตรฐานแบบ Taylor ที่ Fret 1 ตั้งเท่ากันกับกีตาร์ทุกทรง ส่วนตำแหน่ง Fret 12 กีตาร์ตัวเล็กซึ่งเหมาะสำหรับการเล่น Finger style ตั่งต่ำกว่า
ลองสังเกตที่ตัวเลข Action ในตารางด้านบนครับ เป็นทศนิยม 2-3 ตำแหน่ง สาเหตุจากการคำนวน การแปลงหน่วยครับ มันจึงเป็นตัวเลขที่ไม่เต็ม คำถามตามมาสำหรับคนที่เป็นช่างทำกีตาร์ครับ แล้วจะวัดอย่างไรให้ได้ละเอียดอย่างในตาราง คำตอบคือ ต้องหาไม้บรรทัดที่ละเอียดที่สุดเท่าที่ตาคนสามารถอ่านได้ครับ ผมไปเดินที่ร้าน True value พบไม้บันทัดเหล็กยาว 6 นิ้ว ยี่ห้อ General no.616 ซึ่งเป็นระบบ นิ้ว เมตริก คือ 1 นิ้ว แบ่งเป็น 100 ช่อง หรือพูดได้ว่า ละเอียดถึง 0.01 นิ้วต่อช่อง วัดได้ละเอียดสุด 0.005 (ประมาณได้ระหว่างขีด) ความละเอียดขนาดนี้ใช้วัดตัวเลขในตารางข้างบนได้กำลังดีครับ ดูตามรูปข้างล่างครับ
ถามว่าทำไมต้องละเอียดขนาดนี้ จากประสบการณ์ผม ผมเจอนักเล่นกีตาร์ที่มีความละเอียดสูง ความละเอียดสูงที่ผมว่าคืออะไร นักเล่นกีตาร์สามารถรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของ Action ได้ โดยที่ผมปรับค่า Action ที่ตำแหน่ง Fret 12 ต่างกันเพียง 0.01 นิ้ว เนื่องจากนักเล่นเหล่านี้เขาพัฒนาอินทรีย์แกร่งกล้าจากการฝึกซ้อมทุกวัน หาวิธีพัฒนาการเล่นของตัวเองตลอด แต่ก็ไม่ทุกคนนะครับ ที่ผมเจอมี 2-3 คนเท่านั้นและเป็นนักเล่นกีตาร์คลาสสิกทั้งหมด สรุปง่ายๆ คือละเอียดเพื่อการตอบสนองความต้องการของผู้เล่นนั้นเองครับ
ยังไม่จบครับ แต่คงต้องตอนต่อไป ผมจะพาไปดู Action กีตาร์ของนักเล่นกีตาร์แนว Finger style ระดับโลก ตัวพ่อ คือ Tommy Emmanuel เล่น Action ความสูงเท่าไร ผมยิ่งค้น ยิ่งเจอสิ่งที่น่าสนใจครับ มันละเอียดกว่าสิ่งที่ผมกล่าวมาในบทความข้างต้นอีก แล้วพบกันตอนต่อไปครับ
หมายเหตุ Action คือ ระยะระหว่างยอด Fret ถึงก้นสายครับ
Good day
Sunday, March 5, 2017
การดูแลรักษากีตาร์โปร่งและกีตาร์คลาสสิก ตอนที่ 3
สวัสดีครับ เราต่อกันเรื่องการดูแลรักษากีตาร์โปร่งและกีตาร์คลาสสิก ซึ่งอยู่ในหัวข้อ 2.1 ทำความสะอาด Body Neck Top หลังจากทำความสะอาดเสร็จ ขั้นตอนสุดท้าย คือ การเช็ดเคลือบด้วย ผลิตภัณฑ์ Wax เพื่อป้องกันรอยขีดข่วนเล็กๆ กีตาร์ดูเงางามขึ้น ปกป้องตัวเคลือบรักษาผิวกีตาร์
Wax ที่เหมาะที่สุดในการเช็ด เคลือบกีตาร์ เป็นที่ยอมรับกันในตอนนี้ คือ Carnauba wax เป็นผลิตภัณฑ์จากใบต้นปาล์มทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศบลาซิล ผลิตภัณฑ์ขายในท้องตลาดมีส่วนผสมของ Carnuaba wax ยี่ห้อต่างๆ เช่น ของD'Addario, Planet Wave,Dunlop ส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์สุดท้าย ซี่งทางบริษัทผลิตกีตาร์แนะนำให้ใช้ นำยาเช็ดรถบางชนิดมีส่วนผสม Carnauba wax เช่นกัน Turtle wax performance plus T136R ใช้ได้เช่นกัน
การใช้งาน ใช้เช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์จำพวกน้ำยาขัด โดยหยดใส่ผ้าก่อนแล้วขัดลงบนตัวกีตาร์ ขอควรระวังอย่างหนึ่ง กรณีตัวเคลือบรักษากีตาร์แบบด้าน หรือ Satin หรือ Matt ห้ามใช้ผลิตภัณฑ์พวกน้ำยาขัด หรือ Wax เพราะจะทำให้ตัวเคลือบรักษากีตาร์มีความแววเป็นจุดไม่สม่ำเสมอ ดูไม่สวยงาม
สรุปการทำความสะอาด Body Neck Top หรือส่วนที่มีตัวเคลือบรักษาผิว ความเห็นสวนตัวผมว่า หลังจากเราเล่นเสร็จทุกครั้งควรเช็ดด้วยผ้าฝ้ายเปล่าดังในขึ้นตอนแรกที่กล่าวไป เท่านี้กีตาร์ก็จะสะอาดเหมือนใหม่ตลอดแล้ว แต่ถ้าปล่อยทิ้งไว้จนคลาบสกปรกหนา ส่งผลให้ทำความสะอาดยากขึ้นและต้องใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นในการทำความสะอาดแต่อาจเป็นตัวทำลายตัวเคลือบรักษาผิวเช่นกัน
2.2 การทำความสะอาด Fret Fingerboard
ผลิตภัณฑ์ใช้สำหรับทำความสะอาด Fret, Fingerboard ได้แก่ Steel wool เบอร์ 0000 และ Lemon oil เป็นต้น Lemon oil ช่วยป้องกันการถ่ายความชื้นระหว่างอากาศและ Fingerboard ป้องกันการบิดเบี้ยวและการแตกของ Fingerboard เพิ่มอายุการใช้งาน Fingerboard ให้ยาวนานขึ้น
วิธีการดังนี้
-เริ่มจากถอดสายกีตาร์ออก
-จากนั้นหยด Lemon oil บน Fingerboard และใช้ Steel wool ขัดตามแนวยาว Fret ให้ทั่วบริเวณให้สะอาด ขั้นต่อไป ใช้ Steel wool ขัดตามแนวยาวของ Fingerboard ให้ทั่ว เพื่อลดรอยตามแนวขวางที่เกิดจาก Steel wool
-ใช้ผ้าฝ้ายสะอาดเช็ดเศษ Steel wool ออก และเช็ด Lemon oil ให้แห้ง เท่านี้ Fret และ Fingerboard ของกีตาร์ก็จะแววและสะอาด หรือถ้าต้องการให้ Fret แววยิ่งขึ้น และ Fingerboard เรียบยิ่งขึ้น ใช้ ฝอยขัด Scotchbrite ของ 3M สีขาวซึ่งมีความละเอียดประมาณ 1200 grid เช็ดถูตามแนวยาว Fingerboard
Steel wool #oooo มีความละเอียดเท่ากันกระดาษทรายเบอร์ประมาณ 400 ในมาตรฐาน CAMI grit หรือประมาณ P600 ในมาตรฐาน ISO/FEPA grit. ผมสั่งซื้อใน LAZADA ราคาไม่เกิน 200 บาท ส่งถึงหน้าบ้านเลย ก้อนขนาดนี้ผมใช้ประมาณ 7 ปี
ส่วน Bridge กีตาร์สายเหล็กส่วนใหญ่ไม่ได้ลงตัวเคลือบรักษาผิวใช้วิธีเดียวกันกับการทำความสะอาด Fingerboard บางครั้งช่างทำกีตาร์ใช้ Refine Linseed oil แทน Lemon oil เพราะสามารถอยู่ในเนื้อ Fingerboard ยาวนานกว่า Lemon oil
พบกันใหม่...
Wax ที่เหมาะที่สุดในการเช็ด เคลือบกีตาร์ เป็นที่ยอมรับกันในตอนนี้ คือ Carnauba wax เป็นผลิตภัณฑ์จากใบต้นปาล์มทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศบลาซิล ผลิตภัณฑ์ขายในท้องตลาดมีส่วนผสมของ Carnuaba wax ยี่ห้อต่างๆ เช่น ของD'Addario, Planet Wave,Dunlop ส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์สุดท้าย ซี่งทางบริษัทผลิตกีตาร์แนะนำให้ใช้ นำยาเช็ดรถบางชนิดมีส่วนผสม Carnauba wax เช่นกัน Turtle wax performance plus T136R ใช้ได้เช่นกัน
การใช้งาน ใช้เช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์จำพวกน้ำยาขัด โดยหยดใส่ผ้าก่อนแล้วขัดลงบนตัวกีตาร์ ขอควรระวังอย่างหนึ่ง กรณีตัวเคลือบรักษากีตาร์แบบด้าน หรือ Satin หรือ Matt ห้ามใช้ผลิตภัณฑ์พวกน้ำยาขัด หรือ Wax เพราะจะทำให้ตัวเคลือบรักษากีตาร์มีความแววเป็นจุดไม่สม่ำเสมอ ดูไม่สวยงาม
สรุปการทำความสะอาด Body Neck Top หรือส่วนที่มีตัวเคลือบรักษาผิว ความเห็นสวนตัวผมว่า หลังจากเราเล่นเสร็จทุกครั้งควรเช็ดด้วยผ้าฝ้ายเปล่าดังในขึ้นตอนแรกที่กล่าวไป เท่านี้กีตาร์ก็จะสะอาดเหมือนใหม่ตลอดแล้ว แต่ถ้าปล่อยทิ้งไว้จนคลาบสกปรกหนา ส่งผลให้ทำความสะอาดยากขึ้นและต้องใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นในการทำความสะอาดแต่อาจเป็นตัวทำลายตัวเคลือบรักษาผิวเช่นกัน
2.2 การทำความสะอาด Fret Fingerboard
ผลิตภัณฑ์ใช้สำหรับทำความสะอาด Fret, Fingerboard ได้แก่ Steel wool เบอร์ 0000 และ Lemon oil เป็นต้น Lemon oil ช่วยป้องกันการถ่ายความชื้นระหว่างอากาศและ Fingerboard ป้องกันการบิดเบี้ยวและการแตกของ Fingerboard เพิ่มอายุการใช้งาน Fingerboard ให้ยาวนานขึ้น
วิธีการดังนี้
-เริ่มจากถอดสายกีตาร์ออก
-จากนั้นหยด Lemon oil บน Fingerboard และใช้ Steel wool ขัดตามแนวยาว Fret ให้ทั่วบริเวณให้สะอาด ขั้นต่อไป ใช้ Steel wool ขัดตามแนวยาวของ Fingerboard ให้ทั่ว เพื่อลดรอยตามแนวขวางที่เกิดจาก Steel wool
-ใช้ผ้าฝ้ายสะอาดเช็ดเศษ Steel wool ออก และเช็ด Lemon oil ให้แห้ง เท่านี้ Fret และ Fingerboard ของกีตาร์ก็จะแววและสะอาด หรือถ้าต้องการให้ Fret แววยิ่งขึ้น และ Fingerboard เรียบยิ่งขึ้น ใช้ ฝอยขัด Scotchbrite ของ 3M สีขาวซึ่งมีความละเอียดประมาณ 1200 grid เช็ดถูตามแนวยาว Fingerboard
Steel wool #oooo มีความละเอียดเท่ากันกระดาษทรายเบอร์ประมาณ 400 ในมาตรฐาน CAMI grit หรือประมาณ P600 ในมาตรฐาน ISO/FEPA grit. ผมสั่งซื้อใน LAZADA ราคาไม่เกิน 200 บาท ส่งถึงหน้าบ้านเลย ก้อนขนาดนี้ผมใช้ประมาณ 7 ปี
ส่วน Bridge กีตาร์สายเหล็กส่วนใหญ่ไม่ได้ลงตัวเคลือบรักษาผิวใช้วิธีเดียวกันกับการทำความสะอาด Fingerboard บางครั้งช่างทำกีตาร์ใช้ Refine Linseed oil แทน Lemon oil เพราะสามารถอยู่ในเนื้อ Fingerboard ยาวนานกว่า Lemon oil
พบกันใหม่...
Friday, February 24, 2017
การดูแลรักษากีตาร์โปร่งและกีตาร์คลาสสิก ตอนที่ 2
สวัสดีครับมาคุยกันต่อเรื่องความชื้นในอากาศต่ออีกนิดครับ เมื่ออาทิตย์ที่แล้วมีโอกาสไปพบนักเล่นกีตาร์คลาสสิกที่ประเทศมาเลเซีย และคุยถึงเรื่องปัญหากีตาร์ที่พบส่วนใหญ่ไม้หน้าบวมเนื่องจากความชื้นในอากาศสูง ค่อนข้างมีปัญหามากกว่าประเทศไทยเพราะที่นั่นฝนตกยาวนาน และมีทะเลล้อมรอบ ผมจึงถามเขาว่าทำอย่างไร เพื่อนผมเขาแนะนำตัวดูดความชื้นแบบห่อ มีขายที่ Daiso ราคาบ้านเราตก 60 บาท ใช้งานได้ 1-2 เดือน ดังรูปครับ
ในห่อคือ แคลเซี่ยมคลอไรด์(CaCl2) 1 ห่อนี้สามารถดูดความชื้นจากอากาศได้ 150 ml ขอดีคือห่อไม่ใหญ่มาก สามารถเก็บไว้ในกล่องกีตาร์ได้ และมีความสามารถในการดูดความชื้นได้ 70-80 % ของน้ำหนัก เมื่อเทียบกับ Silica gel, Silica gel มีความสามารถในการดูดความชื้นได้ 24-40 % ของน้ำหนัก แต่อัตราการดูดอาจช้ากว่า Silica gel
2.การทำความสะอาด
การทำความสะอาดกีตาร์แต่ละส่วนแบ่งได้ดังนี้
2.1 ทำความสะอาด Body Neck Top
เป็นส่วนที่มีการเคลือบรักษาผิวไม้ ตัวเคลือบที่นิยมในกีตาร์ได้แก่ Shellac, Nitro-Lacquer และ Polyurethane การทำความสะอาดทั้ง 3 ตัวนี้ ใช้ผ้าฝ้าย 100 % ยิ่งได้ผ่านการซักแล้วยิ่งดี เช็ดให้ทั่วและเน้นบริเวณที่สกปรกมาก ส่วนใหญ่เป็นจุดที่ร่างกายสัมผัส เช่น บริเวณขอบไม้หน้าด้านซ้ายจุดที่วางแขนขวา หลังคอ ไม้หลังที่ติดกับหน้าอก ไม้ข้างด้านขวาส่วนติดกับคอ ถ้าเช็ดไม่ออกอาจใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ เช็ดต่อได้ และควรใช้ผ้าแห้งเช็ดตามทันที วิธีนี้ไม่สร้างความเสียหายให้ตัวเคลือบรักษาผิวกีตาร์
กรณีคราบสกปรกที่ไม่ละลายในน้ำคือไม่สามารถเช็ดออกโดยน้ำหมาดๆ เช่น คราบเหงื่อ รอยนิ้วมือ อาจใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากกระบวนการกลั่นของปิโตเลียม ได้แก่ Mineral Spirits Lemon oil รูปแบบน้ำ(ไม่ได้มาจากน้ำมันของมะนาวแต่เป็นผลิตภัณฑ์ได้จากกระบวนการกลั่นของปิโตเลียมใส่กลิ่นมะนาว) หรือ Pledge กลิ่นมะนาว หรือกลิ่นส้ม(ตัวนี้มีSilicone ผสมอยู่เล็กน้อย) Naphtha (ในบ้านเราอาจหาซื้อได้ในรูปของน้ำมันไฟเช็ค) การใช้ผลิตภัณฑ์ควรหยดใส่บนผ้าก่อนจึงเช็ดลงบนตัวกีต้าร์ ใช้ทำความสะอาดเฉพาะจุดที่มีคราบเท่านั้น และไม่ควรใช้กับตัวเครือบผิวที่เป็น Shellac
มีความสับสนเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของ Silicone หลายบริษัทที่ผลิตกีตาร์ไม่แนะนำให้ใช้ บางครั้งให้เหตุผลว่า มันจะทำลาย ตัวเครื่องผิว แต่จากที่ผมอ่านดูจากหลายๆ แหล่งขอมูล หนังสือ อินเตอร์เน็ต จริงๆ แล้ว Silicone ไม่ทำลายตัวเคลือนผิว และ ที่ทราบบางตัวเคลือบรักษาผิวยังมีส่วนผสมของ Silicone แต่ปัญหาจริงๆ ของ Silicone ทำให้เกิด Fish eye เวลาซ่อมตัวเคลือบ เนื่องจากบริเวณที่มี Silicone อยู่จะมีแรงตึงผิวน้อยทำให้ตัวเคลือบผิวไม่ค่อยติด ดังรูปทางซ้ายมือ (จากหนังสือ Understanding Wood Finishing) แต่มีวิธีแก้ไขสำหรับปัญหานี้(อ่านดูในหนังสือ Understanding Wood Finishing หน้า 146-147)
ถ้าต้องการขจัดรอยขีดขวดพวกรอบขนแม้ว อาจใช้น้ำยาขัด ( Polishing ) น้ำยาพวกนี้มีผงขัดเล็กๆ ผสมอยู่ หรือบางครั้งอาจเป็นรูปแบบครีม เมื่อเราขัดด้วยน้ำยาขัด ผงขัดในน้ำยาจะขัดบริเวณรอบรอยขีดข่วนออกไปทำให้ตัวเครือบผิวกีตาร์อยู่ในระดับเดียวกัน รอยขนแมวก็จะหายไป วิธีการใช้น้ำยาขัดนี้ไม่ควรทำบ่อยเพราะเป็นการทำลายตัวเคลือบรักษาผิวกีตาร์ (ทำให้ตัวเคลือบบางลง) ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการรักษาเนื้อไม้ลดลง ยิ่งกรณี ตัวเคลือบเป็น Shellac ต้องระวังมากเนื่องจากเป็นการเคลือบที่บางมาก น้ำยาขัดสำหรับ Shellac ที่แนะนำคือ NOVUS เบอร์ 2( อันนี้ดูจากวีดีโอสอน French polish ของคุณ Ron Fernandez ) ส่วน Lacquer และ Polyurethane อาจใช้น้ำยาขัดสำหรับกีตาร์ที่ขายในท่องตลาดยี่ห้อต่างๆ ได้หมด เช่น ของ Gibson, Planet Wave,Dunlop,Ernieball เป็นต้น
ยังไม่หมดครับยังมีอีก พบกันใหม่โอกาสหน้า :)
แหล่งความรู้เพิ่มเติม
http://acousticguitar.com/how-to-clean-your-guitar/
http://www.wikihow.com/Clean-a-Guitar
http://www.guitaradventures.com/how-to-clean-an-acoustic-guitar
ในห่อคือ แคลเซี่ยมคลอไรด์(CaCl2) 1 ห่อนี้สามารถดูดความชื้นจากอากาศได้ 150 ml ขอดีคือห่อไม่ใหญ่มาก สามารถเก็บไว้ในกล่องกีตาร์ได้ และมีความสามารถในการดูดความชื้นได้ 70-80 % ของน้ำหนัก เมื่อเทียบกับ Silica gel, Silica gel มีความสามารถในการดูดความชื้นได้ 24-40 % ของน้ำหนัก แต่อัตราการดูดอาจช้ากว่า Silica gel
2.การทำความสะอาด
การทำความสะอาดกีตาร์แต่ละส่วนแบ่งได้ดังนี้
2.1 ทำความสะอาด Body Neck Top
เป็นส่วนที่มีการเคลือบรักษาผิวไม้ ตัวเคลือบที่นิยมในกีตาร์ได้แก่ Shellac, Nitro-Lacquer และ Polyurethane การทำความสะอาดทั้ง 3 ตัวนี้ ใช้ผ้าฝ้าย 100 % ยิ่งได้ผ่านการซักแล้วยิ่งดี เช็ดให้ทั่วและเน้นบริเวณที่สกปรกมาก ส่วนใหญ่เป็นจุดที่ร่างกายสัมผัส เช่น บริเวณขอบไม้หน้าด้านซ้ายจุดที่วางแขนขวา หลังคอ ไม้หลังที่ติดกับหน้าอก ไม้ข้างด้านขวาส่วนติดกับคอ ถ้าเช็ดไม่ออกอาจใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ เช็ดต่อได้ และควรใช้ผ้าแห้งเช็ดตามทันที วิธีนี้ไม่สร้างความเสียหายให้ตัวเคลือบรักษาผิวกีตาร์
กรณีคราบสกปรกที่ไม่ละลายในน้ำคือไม่สามารถเช็ดออกโดยน้ำหมาดๆ เช่น คราบเหงื่อ รอยนิ้วมือ อาจใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากกระบวนการกลั่นของปิโตเลียม ได้แก่ Mineral Spirits Lemon oil รูปแบบน้ำ(ไม่ได้มาจากน้ำมันของมะนาวแต่เป็นผลิตภัณฑ์ได้จากกระบวนการกลั่นของปิโตเลียมใส่กลิ่นมะนาว) หรือ Pledge กลิ่นมะนาว หรือกลิ่นส้ม(ตัวนี้มีSilicone ผสมอยู่เล็กน้อย) Naphtha (ในบ้านเราอาจหาซื้อได้ในรูปของน้ำมันไฟเช็ค) การใช้ผลิตภัณฑ์ควรหยดใส่บนผ้าก่อนจึงเช็ดลงบนตัวกีต้าร์ ใช้ทำความสะอาดเฉพาะจุดที่มีคราบเท่านั้น และไม่ควรใช้กับตัวเครือบผิวที่เป็น Shellac
มีความสับสนเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของ Silicone หลายบริษัทที่ผลิตกีตาร์ไม่แนะนำให้ใช้ บางครั้งให้เหตุผลว่า มันจะทำลาย ตัวเครื่องผิว แต่จากที่ผมอ่านดูจากหลายๆ แหล่งขอมูล หนังสือ อินเตอร์เน็ต จริงๆ แล้ว Silicone ไม่ทำลายตัวเคลือนผิว และ ที่ทราบบางตัวเคลือบรักษาผิวยังมีส่วนผสมของ Silicone แต่ปัญหาจริงๆ ของ Silicone ทำให้เกิด Fish eye เวลาซ่อมตัวเคลือบ เนื่องจากบริเวณที่มี Silicone อยู่จะมีแรงตึงผิวน้อยทำให้ตัวเคลือบผิวไม่ค่อยติด ดังรูปทางซ้ายมือ (จากหนังสือ Understanding Wood Finishing) แต่มีวิธีแก้ไขสำหรับปัญหานี้(อ่านดูในหนังสือ Understanding Wood Finishing หน้า 146-147)
ถ้าต้องการขจัดรอยขีดขวดพวกรอบขนแม้ว อาจใช้น้ำยาขัด ( Polishing ) น้ำยาพวกนี้มีผงขัดเล็กๆ ผสมอยู่ หรือบางครั้งอาจเป็นรูปแบบครีม เมื่อเราขัดด้วยน้ำยาขัด ผงขัดในน้ำยาจะขัดบริเวณรอบรอยขีดข่วนออกไปทำให้ตัวเครือบผิวกีตาร์อยู่ในระดับเดียวกัน รอยขนแมวก็จะหายไป วิธีการใช้น้ำยาขัดนี้ไม่ควรทำบ่อยเพราะเป็นการทำลายตัวเคลือบรักษาผิวกีตาร์ (ทำให้ตัวเคลือบบางลง) ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการรักษาเนื้อไม้ลดลง ยิ่งกรณี ตัวเคลือบเป็น Shellac ต้องระวังมากเนื่องจากเป็นการเคลือบที่บางมาก น้ำยาขัดสำหรับ Shellac ที่แนะนำคือ NOVUS เบอร์ 2( อันนี้ดูจากวีดีโอสอน French polish ของคุณ Ron Fernandez ) ส่วน Lacquer และ Polyurethane อาจใช้น้ำยาขัดสำหรับกีตาร์ที่ขายในท่องตลาดยี่ห้อต่างๆ ได้หมด เช่น ของ Gibson, Planet Wave,Dunlop,Ernieball เป็นต้น
ยังไม่หมดครับยังมีอีก พบกันใหม่โอกาสหน้า :)
แหล่งความรู้เพิ่มเติม
http://acousticguitar.com/how-to-clean-your-guitar/
http://www.wikihow.com/Clean-a-Guitar
http://www.guitaradventures.com/how-to-clean-an-acoustic-guitar
Monday, January 30, 2017
การดูแลรักษากีตาร์โปร่งและกีตาร์คลาสสิก ตอนที่1
สวัสดีครับ วันนี้ผมกำลังทำเอกสารการดูแลกีตาร์เพื่อให้กับลูกค้า กำลังหาข้อมูลที่เป็นภาษาไทย มีความกระจัดกระจาย ไม่ครบทุกด้าน จึงเข้าไปดูที่เอกสารการดูแลรักษากีตาร์ของ กีตาร์ Martin เป็นภาษาอังกฤษ 20 หน้า และ กีตาร์ Taylor ซึ่งให้รายละเอียดรอบด้าน เลยนำมาสรุป และเพิ่มเติมข้อมูลจากประสบการณ์ โดยแบ่งหัวข้อต่างๆ ดังนี้
1.เรื่องความชื้นสัมพัทธ์ อุณหภูมิ และการเก็บรักษา
กีตาร์โดยทั่วไปควรเก็บที่ความชื่นสัมพัทธ์ประมาณ 45-55% ที่อุณหภูมิ 22-25 องศาเซลเซียส เป็นคำแนะนำของกีตาร์ Martin ส่วนตัวผมว่าประมาณ 40-60% อุณหภูมิ 20-30 องศาเซลเซียส ยังพอไหว
ทำไมควรเก็บที่ความชื่นสัมพัทธ์ประมาณ 45-55% ที่อุณหภูมิ 22-25 องศาเซลเซียส ?
การผลิตกีตาร์ส่วนใหญ่มีการควบคุมความชื้นสัมพัทธ์ระดับ 45-55% อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส โดยเฉพาะกระบวกการประกอบซึ่งมีการใช้กาวเป็นตัวยึด ไม้แต่ละส่วนแต่ละชนิดถูกติดเข้าด้วยกัน ถ้าขั้นตอนนี้มีความระดับความชื่นสัมพัทธ์และอุณหภูมิที่ต่างกันมากทำให้ไม้แต่ลำส่วนยืดหดไม่เท่ากันไม้เกิดความเคลียด ส่งผลให้ประสิทธิภาพของกีตาร์ลดลงอายุการใช้งานสั้นลง อีกอย่างความชื้นสัมพัทธ์ระดับ 45-55% อุณหภูมิ 25 องศา เป็นตัวเลข กลางๆ ในบางครั้งมีข้อแนะนำให้เฉลี่ยระดับความชื้นสัมพัทธ์สูงสุดและต่ำสุด ค่าเฉลี่ย บวกลบ 5 เป็น ตัวเลขที่เหมาะสมสำหรับห้องผลิตกีตาร์
ความชื้นและอุณหภูมิส่งผลอย่างไรต่อกีตาร์ ?
กรณีความชื้นและความร้อนในอากาศสูง โดยเฉพาะหน้าร้อนกับหน้าฝนในบ้านเรา อาจทำให้ประสิทธิภาพกาวค่อยเสื่อมลง ส่งผลให้โครงสร้างหลุดได้ เช่น บริจด์อ้าออก หรือ ไม้เกิดการอมความชื้นทำให้ไม้บิดตัว เช่นไม้หน้าบวม ซึ่งทำให้ action สูงขึ้นจากปกติ เป็นต้น
กรณีความชื้นและความร้อนในอากาศต่ำ ทำให้กีตาร์หดตัวลงส่งผลให้กีตาร์ร้าว หรือ แตกได้ หรือในบางครั้งทำให้ Fingerboard หดตัวทำให้ขอบ Fret โผล่ออกมาข้างๆ Fingerboard หรือในหน้าหนาวซึ่งบางวันมีอากาศแห้งมาก เท่าที่ผมเคยสังเกตค่าต่ำสุดลงมาถึงระดับความชื้นสัมพัทธ์ 30% ทำให้ไม้หน้ายุบตัว Action ต่ำกว่าปกติ เกิดอาการ Buzz และกีตาร์ร้าว และ แตก ในช่วงเวลานี้มาก ส่วนใหญ่
ในบ้านเราจะมีปัญหาเรื่องความชื้น โดยความชื้นสัมพัทธ์และอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ ประมาณ 75% และ 27 องษาเซลเซียส มีค่าสูงสุด ต่ำสุด ตามฤดูที่ต่างกัน การเก็บรักษาจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้ใช้กีตาร์ควรเรียนรู้การเก็บอย่างไรให้เหมาะสม รู้ว่าสถานะการใดควรหลีกเลี่ยง เช่น
- ไม่ควรเก็บกีตาร์ ไว้กระโปงหลังรถหรือในรถในวันที่ร้อน
- ไม่ควรแขวนกีตาร์ทิ้งไว้ข้างนอก เช่น แขวนโชว์ที่กำแพง โดยห้องนั้นไม่มีความควบคุมอุณหภูมิและความชื้น ถ้าอยากจะโชว์ควรทำตู้เก็บแสดงที่ปิดมิดชิด
- กีตาร์ควรเก็บใส่กล่องเสมอเมื่อไม่เล่นเพราะการควบคุม อุณหภูมิและความชื่นในที่แคบทำได้ง่ายกว่า
- ควรมีเครื่องวัดความชื้นจะเป็นแบบดิจิตอล หรือแบบเข็ม ก็ได้ อันเล็กๆ ราคาไม่น่าเกิน 500 บาท พกติดไว้ในกล่องกีตาร์ ถ้าความชื่นมาก ควรหาอุปกรณ์ดูดความชื่นมาใส่ไว้ ได้แก่ Silica gel ถ้าหมดอายุควรเปลี่ยน เท่าที่สังเกตสวนใหญ่ใส่กันไว้นานไม่เคยเปลี่ยน มันไม่ช่วยดูดความชื่นแล้ว หรือเครื่องดูดความชื่นแบบไฟฟ้า เป็นต้น
ตัวอย่างเครืองดูดความชื่น
แบบไฟฟ้า http://acousticthai.net/dehumidifier-gw-e-333.html
แบบสองด้านทั้งดูดและคาย https://www.youtube.com/watch?v=f7kEr16a7Rs
คราวหน้าอ่านกันต่อในหัวข้ออื่นๆครับ เจอกัน
1.เรื่องความชื้นสัมพัทธ์ อุณหภูมิ และการเก็บรักษา
กีตาร์โดยทั่วไปควรเก็บที่ความชื่นสัมพัทธ์ประมาณ 45-55% ที่อุณหภูมิ 22-25 องศาเซลเซียส เป็นคำแนะนำของกีตาร์ Martin ส่วนตัวผมว่าประมาณ 40-60% อุณหภูมิ 20-30 องศาเซลเซียส ยังพอไหว
ทำไมควรเก็บที่ความชื่นสัมพัทธ์ประมาณ 45-55% ที่อุณหภูมิ 22-25 องศาเซลเซียส ?
การผลิตกีตาร์ส่วนใหญ่มีการควบคุมความชื้นสัมพัทธ์ระดับ 45-55% อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส โดยเฉพาะกระบวกการประกอบซึ่งมีการใช้กาวเป็นตัวยึด ไม้แต่ละส่วนแต่ละชนิดถูกติดเข้าด้วยกัน ถ้าขั้นตอนนี้มีความระดับความชื่นสัมพัทธ์และอุณหภูมิที่ต่างกันมากทำให้ไม้แต่ลำส่วนยืดหดไม่เท่ากันไม้เกิดความเคลียด ส่งผลให้ประสิทธิภาพของกีตาร์ลดลงอายุการใช้งานสั้นลง อีกอย่างความชื้นสัมพัทธ์ระดับ 45-55% อุณหภูมิ 25 องศา เป็นตัวเลข กลางๆ ในบางครั้งมีข้อแนะนำให้เฉลี่ยระดับความชื้นสัมพัทธ์สูงสุดและต่ำสุด ค่าเฉลี่ย บวกลบ 5 เป็น ตัวเลขที่เหมาะสมสำหรับห้องผลิตกีตาร์
ความชื้นและอุณหภูมิส่งผลอย่างไรต่อกีตาร์ ?
กรณีความชื้นและความร้อนในอากาศสูง โดยเฉพาะหน้าร้อนกับหน้าฝนในบ้านเรา อาจทำให้ประสิทธิภาพกาวค่อยเสื่อมลง ส่งผลให้โครงสร้างหลุดได้ เช่น บริจด์อ้าออก หรือ ไม้เกิดการอมความชื้นทำให้ไม้บิดตัว เช่นไม้หน้าบวม ซึ่งทำให้ action สูงขึ้นจากปกติ เป็นต้น
กรณีความชื้นและความร้อนในอากาศต่ำ ทำให้กีตาร์หดตัวลงส่งผลให้กีตาร์ร้าว หรือ แตกได้ หรือในบางครั้งทำให้ Fingerboard หดตัวทำให้ขอบ Fret โผล่ออกมาข้างๆ Fingerboard หรือในหน้าหนาวซึ่งบางวันมีอากาศแห้งมาก เท่าที่ผมเคยสังเกตค่าต่ำสุดลงมาถึงระดับความชื้นสัมพัทธ์ 30% ทำให้ไม้หน้ายุบตัว Action ต่ำกว่าปกติ เกิดอาการ Buzz และกีตาร์ร้าว และ แตก ในช่วงเวลานี้มาก ส่วนใหญ่
ในบ้านเราจะมีปัญหาเรื่องความชื้น โดยความชื้นสัมพัทธ์และอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ ประมาณ 75% และ 27 องษาเซลเซียส มีค่าสูงสุด ต่ำสุด ตามฤดูที่ต่างกัน การเก็บรักษาจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้ใช้กีตาร์ควรเรียนรู้การเก็บอย่างไรให้เหมาะสม รู้ว่าสถานะการใดควรหลีกเลี่ยง เช่น
- ไม่ควรเก็บกีตาร์ ไว้กระโปงหลังรถหรือในรถในวันที่ร้อน
- ไม่ควรแขวนกีตาร์ทิ้งไว้ข้างนอก เช่น แขวนโชว์ที่กำแพง โดยห้องนั้นไม่มีความควบคุมอุณหภูมิและความชื้น ถ้าอยากจะโชว์ควรทำตู้เก็บแสดงที่ปิดมิดชิด
- กีตาร์ควรเก็บใส่กล่องเสมอเมื่อไม่เล่นเพราะการควบคุม อุณหภูมิและความชื่นในที่แคบทำได้ง่ายกว่า
- ควรมีเครื่องวัดความชื้นจะเป็นแบบดิจิตอล หรือแบบเข็ม ก็ได้ อันเล็กๆ ราคาไม่น่าเกิน 500 บาท พกติดไว้ในกล่องกีตาร์ ถ้าความชื่นมาก ควรหาอุปกรณ์ดูดความชื่นมาใส่ไว้ ได้แก่ Silica gel ถ้าหมดอายุควรเปลี่ยน เท่าที่สังเกตสวนใหญ่ใส่กันไว้นานไม่เคยเปลี่ยน มันไม่ช่วยดูดความชื่นแล้ว หรือเครื่องดูดความชื่นแบบไฟฟ้า เป็นต้น
ตัวอย่างเครืองดูดความชื่น
แบบไฟฟ้า http://acousticthai.net/dehumidifier-gw-e-333.html
แบบสองด้านทั้งดูดและคาย https://www.youtube.com/watch?v=f7kEr16a7Rs
คราวหน้าอ่านกันต่อในหัวข้ออื่นๆครับ เจอกัน
Subscribe to:
Posts (Atom)